ศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตัวเอง ( FAT TRANSFER AUGMENTATION )
ศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เป็น การเสริมหน้าอกด้วยการปลูกถ่ายไขมัน (MAFT : Micro-autologous Fat Transfer) แทนการใส่วัสดุเสริมเต้านม ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำให้หน้าอกมีความนิ่มเป็นธรรมชาติมากที่สุด และปลอดภัย เพราะเป็นไขมันของคนไข้เอง ในปัจจุบันนี้ สามารถทำร่วมกับการเสริมซิลิโคนได้ด้วย เพื่อได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
การเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตนเองเหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีไขมันมากพอสำหรับการเสริมหน้าอก พื้นฐานสำคัญของการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตนเอง คือ ต้องมีไขมันที่มากพอสมควรสำหรับการเสริมหน้าอก
- ผู้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดโรคมะเร็งเต้านม และรักษาหายขาดแล้ว
ส่วนคุณผู้หญิงที่มีขนาดหน้าอกเล็กลง ร่วมกับความหย่อนคล้อย หรือยานมากๆ เช่น คุณแม่ที่หย่านมบุตรแล้ว การศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยไขมัน ไม่สามารถแก้ไขให้หน้าอกเต่งตึงได้ จึงแนะนำให้ทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก ร่วมกับเสริมด้วยซิลิโคน (Breast Augmentation Lift) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ที่สุด
เทคนิคการศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตัวเอง
เทคนิคการศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เป็นการดูดไขมันส่วนเกินจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขาด้านใน และต้นขาด้านนอก มาเข้ากระบวนการคัดแยก เลือกใช้เฉพาะไขมันที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเป็นไขมันสเต็มเซลล์ (Micro-autologous Fat) แล้วจึงฉีดกลับเข้าไปบริเวณหน้าอก ซึ่งจะให้ความนิ่มนวลเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นไขมันของคนไข้เอง
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง มีข้อจำกัดในการเพิ่มขนาดของเต้านม ซึ่งจะไม่สามารถเสริมขนาดใหญ่มากได้ และไขมันที่เสริมจะค่อยๆ สลายไป 30 – 40% ตามกาลเวลา และมีอัตราการรอดประมาณ 60 – 70% จากที่ฉีดไปทั้งหมด โดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เทคนิคการฉีดไขมัน มากกว่าขนาดที่คนไข้ต้องการประมาณ 30 – 40% ซึ่งจะมีการคำนวณให้อัตราการสลายตัวของไขมัน ใกล้เคียงกับขนาดที่คนไข้ต้องการมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ก่อนการเสริมหน้าอก คนไข้ควรมีน้ำหนักที่คงที่ ไม่ได้กำลังลด หรือเพิ่มน้ำหนักอยู่ เพื่อให้ผลลัพธ์ในระยะยาวคงที่ เนื่องจากน้ำหนักตัวที่ลดลงสามารถส่งผลต่อปริมาณไขมันหลังการเสริมหน้าอกได้
รายละเอียดการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตนเอง
เทคนิคปิด (Closed rhinoplasty)
วิธีการระงับความรู้สึก
ใช้วิธีการดมยาสลบ ร่วมกับการฉีดยาชาเฉพาะจุด เพื่อความปลอดภัย
เวลาทำการผ่าตัด
2 ชั่วโมง
ระยะเวลานอนโรงพยาบาล
2 วัน 1 คืน
การดูแลหลังศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตนเอง
- นอนศีรษะสูง โดยหนุมหมอนประมาณ 2 – 3 ใบ เพื่อช่วยลดอาการบวมในช่วง 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
- แนะนำให้ใส่ Support Bra หรือ Sport Bra เพื่อพยุงทรงของเต้านมใหม่ประมาณ 2 เดือน และสามารถใส่เสื้อในมีโครงได้หลังครบ 6 เดือนแล้ว
- ดูแลความสะอาดแผล และทำความสะอาดตามคำแนะนำของแพทย์ ด้วยอุปกรณ์ที่จัดเตรียมให้
- งดยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนัก ประมาณ 4 สัปดาห์
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบ
- แพทย์จะนัดตัดไหม ประมาณ 5 – 7 วัน
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตนเอง
การศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
การฉีดไขมันแบบเก่าคือการย้ายไขมันจากส่วนต่างๆ ของร่างกายมาเสริมหน้าอก แต่ข้อเสียคือจะอยู่ได้ไม่นาน แล้วจะสลายหายไป เนื่องจากไขมันไม่สามารถเติบโต หรือมีเส้นเลือดมาเลี้ยงมากพอ และทำให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปเสริมหน้าอก คงอยู่ได้ไม่กี่เปอร์เซ็นเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาการเสริมหน้าอกด้วยไขมัน โดยการที่ เลือกใช้เฉพาะไขมันที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเป็นไขมันสเต็มเซลล์ (Micro-autologous Fat) แล้วจึงฉีดกลับเข้าไปบริเวณหน้าอก ซึ่งจะให้ความนิ่มนวลเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นไขมันของคนไข้เอง และคงอยู่ได้นานกว่า
ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง ดีกว่าการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนอย่างไร
- ไม่มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด
- ไม่มีปัญหาเรื่องพังผืดเกาะ
- ไม่มีความเสี่ยง แก้สิ่งแปลกปลอมที่ใส่เข้าไปในร่างกาย
- เจ็บตัวน้อย และพักฟื้นเร็ว
- ไขมันที่ฉีดเข้าไปคงอยู่ถาวร
- ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย