ศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตัวเอง ( FAT TRANSFER AUGMENTATION )

ศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เป็น การเสริมหน้าอกด้วยการปลูกถ่ายไขมัน (MAFT : Micro-autologous Fat Transfer) แทนการใส่วัสดุเสริมเต้านม ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำให้หน้าอกมีความนิ่มเป็นธรรมชาติมากที่สุด และปลอดภัย เพราะเป็นไขมันของคนไข้เอง ในปัจจุบันนี้ สามารถทำร่วมกับการเสริมซิลิโคนได้ด้วย เพื่อได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

การเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตนเองเหมาะกับใคร

  1. ผู้ที่มีไขมันมากพอสำหรับการเสริมหน้าอก พื้นฐานสำคัญของการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตนเอง คือ ต้องมีไขมันที่มากพอสมควรสำหรับการเสริมหน้าอก
  2. ผู้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดโรคมะเร็งเต้านม และรักษาหายขาดแล้ว

ส่วนคุณผู้หญิงที่มีขนาดหน้าอกเล็กลง ร่วมกับความหย่อนคล้อย หรือยานมากๆ เช่น คุณแม่ที่หย่านมบุตรแล้ว การศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยไขมัน ไม่สามารถแก้ไขให้หน้าอกเต่งตึงได้ จึงแนะนำให้ทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก ร่วมกับเสริมด้วยซิลิโคน (Breast Augmentation Lift) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ที่สุด

เทคนิคการศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตัวเอง

เทคนิคการศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เป็นการดูดไขมันส่วนเกินจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขาด้านใน และต้นขาด้านนอก มาเข้ากระบวนการคัดแยก เลือกใช้เฉพาะไขมันที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเป็นไขมันสเต็มเซลล์ (Micro-autologous Fat) แล้วจึงฉีดกลับเข้าไปบริเวณหน้าอก ซึ่งจะให้ความนิ่มนวลเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นไขมันของคนไข้เอง

การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง มีข้อจำกัดในการเพิ่มขนาดของเต้านม ซึ่งจะไม่สามารถเสริมขนาดใหญ่มากได้ และไขมันที่เสริมจะค่อยๆ สลายไป 30 – 40% ตามกาลเวลา และมีอัตราการรอดประมาณ 60 – 70% จากที่ฉีดไปทั้งหมด โดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เทคนิคการฉีดไขมัน มากกว่าขนาดที่คนไข้ต้องการประมาณ 30 – 40% ซึ่งจะมีการคำนวณให้อัตราการสลายตัวของไขมัน ใกล้เคียงกับขนาดที่คนไข้ต้องการมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ก่อนการเสริมหน้าอก คนไข้ควรมีน้ำหนักที่คงที่ ไม่ได้กำลังลด หรือเพิ่มน้ำหนักอยู่ เพื่อให้ผลลัพธ์ในระยะยาวคงที่ เนื่องจากน้ำหนักตัวที่ลดลงสามารถส่งผลต่อปริมาณไขมันหลังการเสริมหน้าอกได้

รายละเอียดการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตนเอง

เทคนิคปิด (Closed rhinoplasty)

วิธีการระงับความรู้สึก

ใช้วิธีการดมยาสลบ ร่วมกับการฉีดยาชาเฉพาะจุด เพื่อความปลอดภัย

เวลาทำการผ่าตัด

2 ชั่วโมง

ระยะเวลานอนโรงพยาบาล

2 วัน 1 คืน

การดูแลหลังศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตนเอง

  1. นอนศีรษะสูง โดยหนุมหมอนประมาณ 2 – 3 ใบ เพื่อช่วยลดอาการบวมในช่วง 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
  2. แนะนำให้ใส่ Support Bra หรือ Sport Bra เพื่อพยุงทรงของเต้านมใหม่ประมาณ 2 เดือน และสามารถใส่เสื้อในมีโครงได้หลังครบ 6 เดือนแล้ว
  3. ดูแลความสะอาดแผล และทำความสะอาดตามคำแนะนำของแพทย์ ด้วยอุปกรณ์ที่จัดเตรียมให้
  4. งดยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนัก ประมาณ 4 สัปดาห์
  5. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบ
  6. แพทย์จะนัดตัดไหม ประมาณ 5 – 7 วัน

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตนเอง

การศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง

การฉีดไขมันแบบเก่าคือการย้ายไขมันจากส่วนต่างๆ ของร่างกายมาเสริมหน้าอก แต่ข้อเสียคือจะอยู่ได้ไม่นาน แล้วจะสลายหายไป เนื่องจากไขมันไม่สามารถเติบโต หรือมีเส้นเลือดมาเลี้ยงมากพอ และทำให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปเสริมหน้าอก คงอยู่ได้ไม่กี่เปอร์เซ็นเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาการเสริมหน้าอกด้วยไขมัน โดยการที่ เลือกใช้เฉพาะไขมันที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเป็นไขมันสเต็มเซลล์ (Micro-autologous Fat) แล้วจึงฉีดกลับเข้าไปบริเวณหน้าอก ซึ่งจะให้ความนิ่มนวลเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นไขมันของคนไข้เอง และคงอยู่ได้นานกว่า

ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง ดีกว่าการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนอย่างไร

  1. ไม่มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด
  2. ไม่มีปัญหาเรื่องพังผืดเกาะ
  3. ไม่มีความเสี่ยง แก้สิ่งแปลกปลอมที่ใส่เข้าไปในร่างกาย
  4. เจ็บตัวน้อย และพักฟื้นเร็ว
  5. ไขมันที่ฉีดเข้าไปคงอยู่ถาวร
  6. ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย