ศัลยกรรม
ยกหน้าผากและคิ้ว
ศัลยกรรมดึงคิ้วและดึงขมับ เป็นการผ่าตัดเพื่อยกคิ้วและดึงขมับให้สูงขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หางตาตก หนังตาตก หรือขมับหย่อนคล้อย
ศัลยกรรมดึงคิ้วและดึงขมับ สามารถทำได้โดยการผ่าตัดแบบเปิดหรือการผ่าตัดแบบปิด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วย
การผ่าตัดแบบเปิด
การผ่าตัดแบบเปิด (Open Lift) เป็นการผ่าตัดที่แพทย์จะทำการกรีดแผลที่หนังศีรษะ บริเวณแนวรอยต่อระหว่างผมและหนังศีรษะ ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างคิ้วและขมับทั้งหมดได้อย่างชัดเจน จึงสามารถยกคิ้วและดึงขมับได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนการการผ่าตัดแบบเปิด ดังนี้
- แพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่หรือยาสลบทั่วไป
- แพทย์จะทำการกรีดแผลที่หนังศีรษะ บริเวณแนวรอยต่อระหว่างผมและหนังศีรษะ
- แพทย์จะแยกผิวหนังออกจากกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
- แพทย์จะยกคิ้วและดึงขมับ
- แพทย์จะเย็บแผลด้วยไหมละลาย
การผ่าตัดแบบปิด
การผ่าตัดแบบปิด (Endoscopic Lift) เป็นการผ่าตัดที่แพทย์จะทำการกรีดแผลขนาดเล็กประมาณ 1-2 เซนติเมตร บริเวณหนังศีรษะด้านหลังหู ช่วยให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก มองไม่เห็นจากภายนอก
ขั้นตอนการการผ่าตัดแบบปิด ดังนี้
- แพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่หรือยาสลบทั่วไป
- แพทย์จะทำการกรีดแผลขนาดเล็กประมาณ 1-2 เซนติเมตร บริเวณหนังศีรษะด้านหลังหู
- แพทย์จะสอดกล้องจุลทรรศน์ขนาดเล็กเข้าไปในแผลผ่าตัด
- แพทย์จะยกคิ้วและดึงขมับ
- แพทย์จะเย็บแผลด้วยไหมละลาย
ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังการผ่าตัดดึงคิ้วและดึงขมับ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยควรงดการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหรือยกของหนัก หลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณแผล และควรทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ข้อดีของศัลยกรรมดึงคิ้วและดึงขมับ ดังนี้
- ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น
- ช่วยลดรอยเหี่ยวย่นบริเวณคิ้วและขมับ
- ช่วยให้ดวงตาดูโตขึ้น
ข้อเสียของศัลยกรรมดึงคิ้วและดึงขมับ ดังนี้
- เป็นการผ่าตัดที่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์
- อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ แผลติดเชื้อ เลือดออก เส้นประสาทได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าเบี้ยว
- ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์
- มีค่าใช้จ่ายสูง
ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมดึงคิ้วและดึงขมับ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น