เสริมสะโพก และเสริมก้นด้วยไขมัน
เสริมก้นด้วยไขมันตัวเอง FAT TRANSFER BUTTOCK
เสริมก้นด้วยไขมันตัวเอง คือ การดูดไขมัน และแยกเซลล์ไขมันจากร่างกายของคนไข้ในบริเวณที่เป็นส่วนเกินของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา แล้วนำไขมันที่แยกเซลล์แล้วมาฉีดที่สะโพก และก้น การเสริมสะโพกและเสริมก้นด้วยไขมันตัวเอง ข้อดีคือ ปราศจากการแพ้ซิลิโคน แผลเล็ก และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ช่วยให้บุคคลมีความมั่นใจมอบสัดส่วนเว้า โค้ง ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
ทำไมต้องเสริมก้นด้วยไขมันตัวเอง
แม้ว่าคนส่วนมากจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ยังมีปัญหารูปร่างที่ไม่ได้สัดส่วนเนื่องจากกรรมพันธุ์ อาจจะก้น และสะโพกเล็กตั้งแต่กำเนิด ลีบแบน บั้นท้ายหย่อนคล้อย ใส่กางเกงไม่สวย การเสริมสะโพก และเสริมก้น จึงช่วยให้บุคคลมีความมั่นใจมอบสัดส่วนเว้า โค้ง ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
การเตรียมตัวก่อนการเสริมก้น ด้วยไขมันตัวเอง
- งดน้ำงดอาหารก่อนผ่าตัดอย่างงน้อย 8 ชั่วโมง
- งดยากลุ่ม แอสไพริน และงดวิตามินอาหารเสริม อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด
- ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัด ในช่วงที่มีประจำเดือน
- แจ้งโรคประจำตัว และการแพ้ยาให้แพทย์ทราบ ก่อนการผ่าตัด
รายละเอียดการเสริมก้น ด้วยไขมันตัวเอง
วิธีการระงับความรู้สึก
ดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของคนไข้
วิธีการระงับความรู้สึก
ดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของคนไข้
เวลาทำการผ่าตัด
4-5 ชั่วโมง
ระยะเวลานอนโรงพยาบาล
2 วัน 1 คืน
การดูแลหลังการเสริมก้น ด้วยไขมันตัวเอง
- หลังการฉีดไขมันคนไข้จะมีอาการบวมที่สะโพก หรือก้นประมาณ 4 สัปดาห์ และไขมันที่ฉีดเข้าไปจะเริ่มเข้าที่ประมาณ 2-3 เดือน และอาจจะมีเซลล์ไขมันบางส่วนที่สลายไป
- ควรประคบเย็นบริเวณสะโพก และก้นภายใน 48 ชั่วโมง หลังการฉีดไขมัน และควรประคบเย็นบ่อยๆ เพื่อลดอาการบวม
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง อย่างเคร่งครัด
- งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- สามารถออกกำลังกายได้หลังการฉีดไขมันไปแล้ว 2 เดือน
- แพทย์จะนัดตัดไหมหลังการฉีดไขมันไปแล้ว 1 สัปดาห์
- หากต้องการฉีดไขมันเพิ่มเติม ควรทิ้งระยะห่างจากการฉีดรอบแรกประมาณ 3-4 เดือน
- หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบแจ้งแพทย์ให้ทราบทันที
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการเสริมก้น ด้วยไขมันตัวเองแขน
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย การศัลยกรรมแปลงเพศด้วยเทคนิค skin graft ข้อดี
ข้อดี
- ไม่ต้องผ่าตัดเข้าไปในช่องท้อง และไม่เสี่ยงเป็นแผลนูนบริเวณหน้าท้อง
- สามารถนำอวัยวะเพศเดิม (อวัยวะเพศชาย) ของผู้ป่วยมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
- ใช้เวลาพักฟื้นร่างกายน้อยกว่าเทคนิคอื่นๆ
ข้อเสีย
- เนื่องจากช่องคลอดไม่มีสารหล่อลื่น ทำให้เวลามีเพศสัมพันธ์ อาจจะเกอดบาดแผลที่เกิดจากการเสียดสี ดังนั้น จึงต้องใช้เจลหล่อลื่นทุกครั้ง เมื่อมีเพศสัมพันธ์
- สำหรับผู้ป่วยที่มีผิวถุงอัณฑะไม่เพียงพอ เนื่องจากได้รับยาฮอร์โมน หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ผิวหนังหดตัว เมื่อต้องการผิวหนังเพิ่มเติม ในการบุหนังช่องคลอดให้ได้ความลึกตามที่ต้องการ ศัลยแพทย์จะใช้ผิวหนังจากขาหนีบ มาเพิ่มได้ ทำให้สามารถได้ความลึกของช่องคลอด 6-7 นิ้ว
- เนื่องจากเนื้อเยื่อที่ใช้บุผนังช่องคลอดได้มาจากผิวหนังที่มีขน จึงทำให้ภายในช่องคลอดมีขนขึ้น วิธีป้องกันทำได้ด้วยการเลเซอร์กำจัดขน บริเวณผิวหนังรอบอวัยวะเพศอย่างน้อย 5 ครั้ง ก่อนทำการผ่าตัด