เสริมก้นด้วยซิลิโคน เหมาะกับใคร ?
- คนที่มีสะโพก หรือ ก้นเล็กตั้งแต่กำเนิด ลีบ แฟบ เหมือนผู้ชาย ต้องการใส่กางเกงรัดรูป หรือบิกินี่ให้ดูเข้ารูปมากขึ้น
- คนที่เคยเสริมหน้าอกมาแล้ว และอยากเสริมก้น-เสริมสะโพกเพิ่มเติม เพื่อให้ได้รูปร่างที่สมส่วน ดูมีสัดส่วนเว้าโค้ง และดูเซ็กซี่มากขึ้น
- คนที่เคยลดน้ำหนักมาก ๆ มาก่อน ทำให้ผิวหนังห้อย ต้องการยกกระชับรูปร่าง รวมถึง เสริมก้น-สะโพกเพิ่มด้วย
- คนที่ต้องการแก้ปัญหาบั้นท้ายหย่อนยานตามวัย ต้องการเสริมสะโพก เสริมก้นให้ดูเต่งตึงขึ้น
- สตรีข้ามเพศ ซึ่งปกติจะมีสรีระที่ไม่มีสะโพก การเสริมสะโพกจึงเป็นตัวเลือกที่ดี
- กลุ่มผู้หญิงที่นิยมสะโพกใหญ่ สไตล์สาวตะวันตก
- คนที่ไม่ต้องการใส่กางเกงในเสริมก้น อยากใส่กางเกงรัดรูป โชว์สะโพกได้อย่างมั่นใจ
ซิลิโคนที่ใช้สำหรับผ่าตัดศัลยกรรมเสริมก้นมีทั้งหมดกี่แบบ?
1.ซิลิโคนเสริมก้นชนิดทรงกลม
เป็นซิลิโคนที่แบนกว่าชนิดซิลิโคนสำหรับเสริมหน้าอก เหมาะสำหรับการใช้เสริมบริเวณก้นด้านใน หรือบริเวณบั้นท้าย เพื่อให้บั้นท้ายดูกลมสวย แต่ไม่ควรผ่าตัดเสริมระดับใต้ผิวหนังเพราะอาจจะทำให้สะโพกด้านในนั้นดูไม่สวยเป็นธรรมชาติ
2.ซิลิโคนเสริมก้นชนิดทรงหยดน้ำ
เป็นซิลิโคนรูปทรงวงรี ที่ใช้สำหรับเสริมบริเวณด้านข้างของสะโพก ซึ่งจะทำให้สะโพกและบั้นท้ายดูสวยเป็นธรรมชาติมากกว่า จึงมักถูกเรียกว่าเป็นซิลิโคนเสริมก้นทรงธรรมชาติ โดยการผ่าตัดเสริมนั้น ซิลิโคนจะต้องมีการวางตำแหน่งให้เหมือนกันทั้ง 2 ข้าง เพื่อที่จะให้สะโพกและก้นสวย ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแตกต่างกันทั้งสองข้างนั่นเอง
เทคนิคการผ่าศัลยกรรมเสริมก้นด้วยซิลิโคน
1.การผ่าตัดโดยวางซิลิโคนบริเวณใต้ผิวหนัง
เป็นการศัลยกรรมเสริมก้น โดยใช้เทคนิคการผ่าตัด
และวางตำแหน่งของซิลิโคนไว้ใต้ชั้นผิวหนัง บริเวณเหนือกล้ามเนื้อ
จะเห็นความนูนเด่นของบั้นท้ายได้อย่างชัดเจน
2.การผ่าตัดโดยวางซิลิโคนบริเวณใต้กล้ามเนื้อ (SUBMUSCULAR SAFE)
เทคนิคนี้เป็นการเปิดช่องใต้พังพืดกล้ามเนื้อแล้วนำซิลิโคนเสริมก้นใส่เข้าไป
คือเป็นการผ่าตัดเสริมก้นแบบอยู่เหนือกล้ามเนื้อ แต่อยู่ใต้พังพืดกล้ามเนื้ออีกที
ทำให้เห็นส่วนนูนของก้นได้ชัด สามารถเสริมสะโพกด้านข้างได้
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเทคนิคนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน เพราะยังไม่มีวิธีมาตรฐาน
และการผ่าตัดอาจไม่สามารถเปิดช่องนี้ได้โดยง่าย
3.การผ่าตัดโดยวางซิลิโคนใต้พังพืดกล้ามเนื้อ
เป็นการศัลยกรรมผ่าตัดเสริมก้นโดยการวางตำแหน่งของซิลิโคนระหว่าง
กล้ามเนื้อก้นมัดบนและมัดล่าง การผ่าตัดเทคนิคนี้จะมีอาการเจ็บปวด
หลังจากผ่าตัดมากกว่าเทคนิคเสริมก้นใต้ผิวหนัง แต่จะทำให้มองไม่เห็นขอบซิลิโคน
และมีโอกาสที่ซิลิโคนจะทะลุนั้นมีน้อยกว่า อีกทั้งเทคนิคนี้จะต้องใช้ความชำนาญ
จากแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อเส้นประสาทใหญ่ที่ขา
ตำแหน่งของแผลผ่าตัด สำหรับการศัลยกรรมเสริมก้นด้วยซิลิโคน
แผลผ่าตัดจากการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมก้นจะอยู่บริเวณร่องก้นด้านบน หลังจากที่ผ่าตัดแล้ว จะทิ้งรอยแผลเป็นขนาดไม่ใหญ่และซ่อนในตำแหน่งที่มองไม่เห็น การผ่าตัดเป็นการเปิดแบบ 2 ตำแหน่ง ซ้าย และขวา แต่ทั้งนี้ผู้ทำศัลยกรรมต้องดูแลบาดแผลหลังศัลยกรรมอย่างที่ดีที่สุด เพราะมีโอกาสติดเชื้อได้ เนื่องจากบาดแผลนั้นอยู่ใกล้บริเวณทวารหนัก
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมก้น
- แพทย์จะมีการให้คำปรึกษาก่อนทำศัลยกรรม และวิเคราะห์รูปร่างของผู้เข้ารับบริการ เนื่องจากสะโพกของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนั้นต้องมีการประเมินพื้นฐานของกายภาพ และเลือกวิธีการที่จะใช้ก่อนการผ่าตัด เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาเห็นผลชัดเจน ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด
- วิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการดมยาสลบให้กับคนไข้ และเฝ้าดูแลในการทำศัลยกรรมอยากใกล้ชิด
- ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณกึ่งกลางสะโพก โดยบาดแผลจะมีความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร
- ทำการเปิดช่องว่างเพื่อเตรียมทำการนำซิลิโคนใส่เข้าไปในบาดแผลที่เปิดไว้
- ทำการนำซิลิโคนเสริมก้นใส่เข้าไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดที่ทีมแพทย์ได้ประเมินไว้ ว่าควรจะเสริมในเทคนิคใด
- ทำการเย็บปิดบาดแผล
- ปิดบาดแผลด้วยผ้ายืดปิดแผล
- ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการเสริมก้น
- ตรวจสุขภาพพื้นฐาน
- พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีอาการป่วยแทรกซ้อน
- งดสูบบุหรี่ และแอลกอฮอลล์ทุกชนิดก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดน้ำ งดอาหารก่อนทำการผ่าตัด 6-8 ชั่วโมง
- ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 10-15 วัน
- ควรมีญาติ หรือเพื่อนมาในวันผ่าตัดด้วย
- งดรับประทานยากลุ่ม Aspirin และวิตามิน อาหารเสริม ยาลดน้ำหนักทุกชนิดก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ถ้าความดันสูงควรควบคุมความดันให้อยู่ต่ำกว่า 140/90 mm Hg (มิลลิเมตร/ปรอท)
- แจ้งประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา และยาที่ใช้รับประทานอยู่เป็นประจำให้ทีมแพทย์ทราบ
- ไม่ควรใช้เครื่องสำอางใดๆ ก่อนทำการผ่าตัด เพราะอาจจะยากต่อการทำความสะอาดก่อนผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- ควรมีผู้ดูแลในระหว่างการพักฟื้นที่บ้าน
การดูแลตัวเองหลังจากทำการผ่าตัดเสริมก้น
- ช่วง 48 ชั่วโมงแรกควรทำการประคบเย็นบริเวณบาดแผล
- จากนั้นกลับไปพักฟื้นที่บ้าน โดยแพทย์จะนัดเข้ามาทำการตัดไหมอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์
- ในช่วงแรกๆ ควรทานยาแก้ปวด และยาคลายกล้ามเนื้อเพื่อบรรเทาอาการเจ็บอย่างต่อเนื่อง
- ไม่ควรให้บาดแผลโดนน้ำในช่วงการพักฟื้นก่อนทำการตัดไหม
- ในช่วงสัปดาห์แรกควรนอนพักผ่อนด้วยท่านอนคว่ำ หรือตะแคงเท่านั้น ห้ามนอนหงายโดยเด็ดขาด
- หลังจากผ่าตัดไป 3 วันแรก ควรพักผ่อนให้มากๆ แต่ไม่ควรนอนเพียงอย่างเดียว สามารถลุกขึ้นเดินช้าๆ
- หลังจากผ่าตัดสามารถนั่งได้ตามปกติ แต่ไม่ควรนั่งเป็นระยะเวลานาน ควรรอประมาณ 1 อาทิตย์ จึงจะสามารถนั่งได้ตามปกติ
- สามารถออกกำลังกายแบบเบาๆได้หลังจากผ่าตัดไปแล้วประมาณ 4 อาทิตย์ หลังจากนั้นสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ
- ช่วง 1-3 เดือนแรกอาจจะมีอาการเจ็บปวดก้นบ้างอยู่เป็นระยะ
คำถามที่พบบ่อย
เสริมก้นราคาถูกเกิดปัญหาง่าย
- คลินิกตามห้องแถวทั่วไปที่ใส่ซิลิโคนใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนหลายอย่างจากการฉีดซิลิโคนราคาถูก ใส่ใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดปัญหาเลื่อน ผิวหนังเป็นผื่นแดง ดูไม่เป็นธรรมชาติ ในภายหลัง
ช่วงประมาณ 10 ปีก่อน ไม่มีการนำเข้าซิลิโคนสำหรับเสริมก้นโดยเฉพาะ ทำให้บางคลินิกใช้ซิลิโคนเสริมนมฉีดเข้าก้นแทน จนกลายเป็นข่าวภาพลบในวงการศัลยกรรมเสริมความงาม
ซิลิโคนแตกง่ายไหม ?
- พูดถึงซิลิโคน ส่วนใหญ่กังวลถึงความทนทานมาเป็นอันดับต้น ๆ เพราะเกิดแตกขึ้นมาแล้ว ปัญหาใหญ่ อีกทั้งสะโพกเป็นส่วนที่ใช้งานเยอะกว่าหน้าอก โดยเฉพาะคนที่ต้องนั่งเกือบทั้งวัน
- ซิลิโคนก้น ออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นน้อยเพื่อเน้นความแข็งแรง ทนทานต่อแรงกดทับมากกว่าซิลิโคนเสริมหน้าอก ดังนั้น ถ้าใช้ของแท้ จะไม่พบปัญหาซิลิโคนแตกจากการกดทับทั่วไป
ใช้กางเกงเสริมสะโพกแทนได้ไหม
- ถึงปัจจุบันจะมีกางเกงเสริมสะโพกมาช่วยทำให้ก้นดูเด้ง สะโพกดูใหญ่ขึ้น ในราคาที่ถูกกว่า แต่มีข้อจำกัดในหลายกรณี อาจรู้สึกอึดอัดจนเหงื่อออกที่สะโพก ดูไม่เป็นธรรมชาติ การเสริมความงามด้วยศัลยกรรมสมัยใหม่ และฝีมือศัลยแพทย์ไทยที่มากประสบการณ์ ทำให้ร่างกายดูสมส่วนมากยิ่งขึ้นแบบระยะยาว ใส่ชุดไหนก็มั่นใจ