ส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch เป็นการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหาร โดยใช้เทคนิคการเย็บกระเพาะให้เป็นแนวยาวคล้ายหีบเพลง ทำให้กระเพาะมีขนาดเล็กลง ผู้ป่วยจึงรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ช่วยลดปริมาณแคลอรีที่รับประทานเข้าไป จึงช่วยลดน้ำหนักและลดความเสี่ยงของโรคอ้วนได้
ขั้นตอนการส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch
- แพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่หรือยาสลบทั่วไป
- แพทย์จะทำการกรีดแผลขนาดเล็กบริเวณหน้าท้องประมาณ 3-5 แผล
- แพทย์จะสอดกล้องจุลทรรศน์และเครื่องมือผ่าตัดเข้าไปในช่องท้องผ่านทางแผลขนาดเล็ก
- แพทย์จะทำการเย็บกระเพาะให้เป็นแนวยาวคล้ายหีบเพลง
- แพทย์จะเย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย
ระยะเวลาในการส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch
ระยะเวลาในการทำส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
ข้อดีของส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch
- แผลผ่าตัดขนาดเล็ก เจ็บน้อยกว่า ฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
- ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ภายใน 1-2 วัน
- มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักและลดความเสี่ยงของโรคอ้วน
ข้อเสียของส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch
- อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ เช่น การติดเชื้อ แผลติดเชื้อ เลือดออก เส้นประสาทได้รับบาดเจ็บ กระเพาะอาหารทะลุ เป็นต้น
- ผู้ป่วยอาจต้องรับประทานอาหารเสริมโปรตีนในระยะแรก
- ผู้ป่วยอาจต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารหลังการผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch
ก่อนทำส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch ผู้ป่วยควรเตรียมตัวดังนี้
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดอย่างละเอียด
- พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด เช่น หยุดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทานอาหารที่มีประโยชน์
- ตัดแต่งขนบริเวณที่จะทำการผ่าตัด
- ตรวจสุขภาพให้เรียบร้อย
ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch
ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยควรงดการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหรือยกของหนัก หลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณแผล และควรทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
คำแนะนำหลังส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch
หลังส่องกล้องเย็บกระเพาะ Overstitch ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
- รับประทานอาหารในปริมาณน้อยๆ แต่บ่อยๆ
- เลือกรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หากผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จ และผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักและลดความเสี่ยงของโรคอ้วนได้ตามเป้าหมาย